Saturday, February 17, 2007

พระจันทร์สีเลือด

นวนิยายแนววิทยาศาสตร์ผสมกับความเชื่อทางศาสนาคริส ซื้อมาในราคาเล่มล่ะ 50 บาท ใช้เวลาอ่านเกือบสองเดือนกว่า ก็ไม่ค่อยได้อ่านเท่าไร อ่านสัปดาห์ละบทเห็นจะว่าได้ เนื้อเรื่องไม่ค่อยสนุกนัก สำนวนแปลใช้ภาษาแบบวกไปวนมา ต้องอ่านแบบตั้งใจถึงจะจับเนื้อเรื่องได้ ไม่งั้นจะอ่านไปงงไป เลยต้องใช้เวลาอ่านนานหน่อย จะไม่อ่านให้จบก็เสียดายที่อุตส่าห์ซื้อมา เนื้อเรื่องประมาณนี้

" จูลี่ วอลล์ ต้องเขาบำบัดอาการโรคจิตที่โรงพยาบาลโรคจิตแห่งหนึ่ง ที่วุฒิสมาชิกแดลเนี่ยล วอลล์สามีเธอเป็นคนจัดหาให้ ในโรงพยาบาลบ้าแห่งนี้มีพยาบาลและผู้รับใช้ที่ชื่อกอร์ดอน ซึ่งผู้รับใช้จะไม่มีสิทธิ์ที่จะฉีดยาให้กับคนไข้ แต่กอร์ดอนกลับฉีดยาให้กับจูลี่ และกว่าจะฉีดยาให้เธอได้ต้องใช้นางพยาบาลช่วยจับตั้งหลายคน อันเป็นเหตุให้ลุงของกอร์ดอนซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาล โกรธในพฤติกรรมของเขามาก และกอร์ดอนก็โดนตักเตือนในพฤติกรรมดังกล่าว แดลเนี่ยลจะมาเยี่ยมจูลี่ตอนแรกก็บ่อยครั้ง แต่ช่วงหลัง ๆ นี่เดือนหนึ่งจะมาครั้งหรือหลาย ๆ เดือนถึงจะมาเยี่ยม โดนอ้างเหตุผลทางการเมือง และต้องเดินทางบ่อย แต่จูลี่รู้สึกว่าแดลเนียลกำลังเปลี่ยนไป

อีกด้านหนึ่ง มาร์กหรือมาร์คัส สติลเลอร์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านดาราศาสตร์และเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีภรรยาคือลูซี่ซึ่งเป็นพยาบาลฝึกหัด มาร์คัสได้ค้นพบจุดแดงบนดวงจันทร์ในวันหนึ่งกับลูกศิษย์ของเขาสองคน เขาพบว่าจุดแดงนี้มันขยายตัวเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน เขาจึงถ่ายภาพแล้วส่งเมลไปให้เพื่อนนักวิทยาศาสร์อีกคนช่วยดู อันเป็นผลให้ต้องเปิดแถลงการถึงการค้นพบของเขา ในชื่อว่า สติลเลอร์ อินิกม่า เพื่อให้เกียจแก่เขาซึ่งเป็นผู้คนพบจุดแดงนี้คนแรก จากนั้นชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป ต้องตอบคำถามกับสื่อมากมายที่ติดตามเรื่องนี้ ในขณะที่พ่อของมาร์คัสก็มาเสียลงในขณะนั้นด้วย พ่อของมาร์คัสเป็นพระในโบถส์ มีผู้คนนับถือมากมายเพราะเขามีความสามารถ ความรู้ ในการทางศาสนามาก และทุกคนก็เห็นควรที่จะให้มาร์คัสเดินตามรอยพ่อของเขา แต่มาร์คัสปฏิเสษด้วยความที่เขาเชื่อในวิทยาศาสร์มากกว่าศาสนา ประธานาธิปดีได้ข่าวว่าทางรัสเชียคิดว่าทางสหรัฐเป็นผู้ทำให้เกิดจุดสีแดงนี้ขึ้น ฉะนั้นจุดสีแดงบนดวงจันทร์จะก่อนำความยุ่งยากให้เกิดต่อนานาประเทศ รวมถึงการที่อาจจะเกิดสงคราม ประธานาธิปดีจึงเรียกให้มาร์คัสเข้าไปพบพร้อมกับเบ็น ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยเขาส่องกล้องดูความเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ด้วยกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากว่าไม่มีใครสามารถให้คำอธิบายของจุดแดงที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าผู้ค้นพบค้นแรก แต่มาร์คัสและเบ็นก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่ประธานาธิปดีมากนัก ด้วยที่ว่าเขาทั้งสองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร และอะไรทำให้มันเกิดขึ้น มาร์คัสเสนอทางออกให้โดยจัดตั้งกลุ่มทำงานร่วมกันกับประเทศที่คิดแบบนั้น เพื่อให้ได้คำตอบพร้อมกันอันจะไม่ทำให้เกิดปัญหาว่ามันเกิดจากฝีมือสหรัฐ

จูลี่ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลโรคจิต เนื่องจากทนไม่ได้เพราะเธอไม่ได้บ้า เธอต้องต่อสู้กับกอร์ดอนในขณะที่หลบหนีออกมา และลอดพ้นออกมาได้ด้วยกอร์ดอนเป็นผู้ชายที่มีร่างกายอ้วน เคลื่อนไหวช้าและประมาทในฝีมือของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ เธอหนีกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไป 10 กว่าไมล์ โดยเดินไปตามริมชายหาด เพราะกลัวผู้คนเห็น และเธอก็ทำได้สำเร็จ แต่ว่ากว่าจะกลับถึงบ้านเธอได้รับบาดเจ็บที่เท้า เพราะการเดินทางอันยาวไกล และกอร์ดอนก็มาดักรอเธอที่บ้าน เนื่องด้วยเขาต้องเป็นคนแรกที่จับเธอกลับให้ได้ไม่ใช่ตำรวจ เพราะเขาคิดว่ามันน่าจะทำให้ลุงเขาพอใจ จึงทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้นในบ้านของจูลี่ และเธอก็หลบหนีจากกอร์ดอนมาได้อีกครั้ง เธอขับรถหลีออกไปจากบ้าน และไปจอดทิ้งไว้ในป่าแห่งหนึ่ง

มาร์คัสกับลูซี่ต้องอารมณ์เสียอย่างมากขณะกลับเข้าบ้านในวันหนึ่ง พบว่ามีคนมาเขียนรูปพระจันทร์สีแดงที่บ้านเขา และเขาถูกเรียกว่าบุรุษพระจันทร์จากคนนั้นที่เขียน ผู้คลั่งศาสนา ที่เพ้อพูดแต่คำว่า "วันสิ้นโลก" มาร์คัสคิดว่าเขาต้องบ้า ไม่มีเหตุผล ในอีกไม่กี่วันต่อมาจูลี่ก็ได้หลบหนีมาอยู่ในบ้านของเขา ด้วยความหิวกระหายที่เธอไม่ได้กินข้าวมาสามวัน เธอจึงบุกเข้าบ้านมาร์คัส อันเป็นบ้านหลังเดียวในระแวกนั้น แถวป่าแห่งนั้น แล้วเธอก็เป็นลมอยู่ในบ้านของเขา มาร์คัสและลูซี่กลับมาจากทำงานในตอนเย็น พบกับจูลี่นอนหมดสติอยู่และพบว่าเธอแอบทานอาหารของพวกเขา มาร์คัสจะแจ้งตำรวจในทันทีแต่ลูซี่ห้ามไว้ และปฐมพยาบาลให้กับจูลี่ ซึ่งเธอเหนื่อยอ่อนและเพลียมาก และจูลี่ก็เล่าเรื่องราวเบื้องต้นของเธอให้กับทั้งสองทราบ และบอกว่าเธอจะไปทันทีหากจะแจ้งตำรวจให้ทราบเรื่องนี้ แต่ลูซี่ขอร้องให้เธอนอนอยู่ที่นี่ก่อน อย่างน้อยเขาจะได้ตรวจดูร่างกายของเธอให้ระเอียดอีกทีในวันรุ่งขึ้น ในช่วงดึกของวันนั้น จอร์น ผู้คลั่งศาสนาวันสิ้นโลก อันเป็นผลมาจากพระจันทร์มีสีแดงนั้นเอง เขาคิดว่าผู้คนพบควรได้รับจุดจบ เขาบุกเข้ามาเผาบ้าน และจับลูซี่เป็นตัวประกัน จูลี่ได้ช่วยให้ลูซี่ปลอดภัยจากมีดของจอร์นที่จ่อคอเธออยู่ แล้วก็ก่อเกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างมาร์คัสกับจอร์น และไม่นานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็มาถึง แต่ตอนนั้นจอร์นได้ตกลงไปในใต้ถุนบ้าน บริเวณที่ไฟกำลังลุกไหม้ มาร์คัสได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปดูเขา และทั้งหมดก็ถูกนำตัวไปรักษายังโรงพยาบาลที่ลูซี่ทำงานอยู่ จากนั้นลูซี่และมาร์คัสได้สอบถามความจริงที่เกิดขึ้นกับจูลี่ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหนจูลี่ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ในการถูกกอร์ดอนทำร้าย และหลบหนีออกมาจากโรงพยาบาล ในไม่ช้าแดลเนี่ยล กอร์ดอน และลุงของกอร์ดอนก็ตามมาถึงโรงพยาบาล เพื่อรับเอาจูลี่กับไป แต่เธอได้รับการปกป้องจากลูซี่และมาร์คัส อันทำให้สุดท้ายแล้วกอร์ดอนต้องถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกาย ลุงของเขาถูกปลดใบอนุญาติเจ้าของโรงพยาบาล และแดเนี่ยลถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้จูลี่ ยกเว้นผ่านทนายของเขา เนื่องจากจูลี่เป็นเมียน้อยที่เขาต้องซ่อนไว้ เพราะมันมีผลต่อการทำงานด้านการเมืองของเขา นอกจากนี้ยังทำให้แดลเนี่ยลเสียสิทธิทางการเมืองอันเนื่องมาจากเขาเป็นผู้ให้ยากล่อมประสาทแก่เธอ ผ่านทางกอร์ดอน และลุงของกอร์ดอนซึ่งเป็นผู้ทดลองยาแก่คนไข้ อันผิดกฎหมาย

จอร์นได้ถูกนำตัวเข้าไปบำบัดรักษาอาการทางจิตในโรงพยาบาลที่จูลี่เคยบำบัด ภายใต้ผู้บริหารคนใหม่ และจูลี่จะได้กลับไปอยู่บ้านของเธอ และกำลังจะมีงานทำในอีกสัปดาห์หน้า ส่วนมาร์คัสก็เฝ้าสำรวจความเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ที่กำลังจะโพล่ขึ้นในวันนี้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาภาวนาให้จุดสีแดงนั้นหายไป ความวุยวายทั้งหลายจะได้จบเสียที "

No comments: